เริ่มต้นปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รักษ์สิ่งแวดล้อม

เริ่มต้นปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รักษ์สิ่งแวดล้อมและแปลงเกษตรริมรั้ว

         ผักไฮโดรโปนิกส์ คำนี้คงคุ้นหูกันดีและเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เคยทานกันมาแล้ว ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) หมายถึง การทำงานของน้ำ (สารละลายธาตุอาหาร) ผ่านรากพืช มาจากคำภาษากรีก 2 คำ คือ Hydro แปลว่า น้ำ และ Ponos แปลว่า งาน ไฮโดรโปนิกส์เป็นวิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินวิธีหนึ่ง แต่ใช้น้ำเพาะปลูกทำให้พืชเจริญเติบโตด้วยการเติมธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชลงในน้ำโดยตรง ซึ่งพืชสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเพราะมีการปรับค่าการนำไฟฟ้า (Electrical Conductivity : EC) และ pH ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชอยู่ตลอดเวลา

         ในประเทศไทยพืชที่นิยมปลูกด้วยระบบนี้  คือ ผัก โดยเฉพาะผักที่มีราคาแพง เนื่องจากต้นทุนการปลูกพืชด้วยระบบนี้ค่อนข้างสูง การปลูกผักซึ่งอายุเก็บเกี่ยวสั้นสามารถทำรอบได้บ่อยจะช่วยลดต้นทุนได้ ผักไฮโดรโปนิกส์ที่ปลูกกันมากคือ ตระกูลผักสลัด เช่น เรดโอ๊ก กรีนโอ๊ก คอส แต่ก็มีการนำผักกินใบชนิดอื่น ๆ เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักโขม มาปลูกด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์มากขึ้น เน้นจุดขายเป็นผักปลอดภัยจากสารพิษ เพิ่มตัวเลือกการขายผักไฮโดรโปนิกส์อีกทางหนึ่ง

         ก่อนจะลงมือปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เรามาทำความรู้จักกับระบบไฮโดรโปนิกส์แบบต่าง ๆ ที่ใช้กันมากในประเทศไทย เพื่อประกอบการตัดสินใจ

         NFT (Nutrient Film Technique) การปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักเป็นแผ่นบาง ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นการให้สารละลายธาตุอาหารพืชไหลผ่านรากพืชที่ปลูกบนรางตามความลาดชันของรางปลูกอย่างช้า ๆ เป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ประมาณ 1 – 3 มิลลิเมตรพืชที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ได้แก่ผักกินใบจำพวกผักสลัดมีอายุยาวประมาณ 45 – 50 วัน

         DFT (Deep Flow Technique) การปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากผักในระดับลึก การปลูกผักโดยวิธีนี้เหมือนการปลูกแบบลอยน้ำซึ่งสามารถปลูกได้ดีในที่ที่มีแดดจัดโดยวิธีนี้จะมีช่องว่างระหว่างแผ่นปลูกกับสารละลายธาตุอาหารพืชประมาณ 3 – 5 เซนติเมตรเพื่อให้รากผักบางส่วนถูกอากาศและบางส่วนอยู่ในสารละลายธาตุอาหารพืชผักที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ได้แก่ผักไทย (ผักกินใบที่มีอายุสั้นประมาณ 20-30 วัน) เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักโขม

         DRFT (Dynamic Root Floating Technique) การปลูกโดยให้สารละลายธาตุอาหารและอากาศไหลวนผ่านรากผักในระดับลึกอย่างต่อเนื่องในถาดปลูก ระบบนี้พัฒนามาจากระบบ DFTโดยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศและสารละลายธาตุอาหารพืชผักที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกได้แก่ผักไทย

        สำหรับวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้น ปัจจุบันมีจำหน่ายเป็นชุดสำเร็จรูป เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการขนาดเท่าไหร่ ปลูกผักอะไร ใช้ระบบปลูกแบบไหน ซึ่งเราสามารถนำมาประกอบ ทำระบบน้ำ และเพาะปลูกได้เอง เพียงทำตามขั้นตอนที่อยู่ในคู่มือ ราคามีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น หรือเราจะซื้อเฉพาะปุ๋ย A ปุ๋ย B มาผสมปลูกผักเองโดยใช้วัสดุที่หาได้ภายในบ้าน

ขั้นตอนพื้นฐานในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

การเพาะเมล็ด หยอดเมล็ดพันธุ์ผัก 1-2 เมล็ดในฟองน้ำชิ้นเล็ก ๆ
นำฟองน้ำใส่ถาด เติมน้ำธรรมดาลงในถาดให้สูงประมาณ 1 เซ็นติเมตร อย่าให้โดนแดด
เมื่อผักงอกครบ 3 วัน ให้นำถาดออกแดดช่วงเช้าให้ผักได้รับแสง
เมื่อผักงอกครบ 7 วัน ให้ย้ายลงไปยังรางปลูก
เริ่มให้ปุ๋ย A ปุ๋ย B ตามสูตร ขึ้นกับชนิดของผักและระบบน้ำที่ใช้
ตรวจเช็คระบบน้ำ ค่า pH ค่า EC ของปุ๋ยตลอดระยะเวลาการปลูก ปรับให้ตรงตามสูตรตามความต้องการของพืช
หลังครบอายุของผัก (20 – 45 วัน ขึ้นกับชนิด) สามารถนำไปบริโภคได้ แต่ก่อนเก็บเกี่ยวผักไฮโดรโปนิกส์ 1 – 2 วัน ต้องเปลี่ยนจากน้ำปุ๋ยเป็นน้ำธรรมดา เพื่อลดการตกค้างของสารเคมี
ในช่วงเริ่มต้นเราควรทดลองปลูกจากขนาดเล็ก ๆ ก่อน เพื่อฝึกมือ ฝึกสังเกตการณ์ทำงานของระบบและการเจริญเติบโตของผัก ตลอดจนโรคแมลงต่าง ๆ

บทความจาก @writerid

 

You may also like...